39 จำนวนผู้เข้าชม |
โรคติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ (Herpesvirus)
ในสัตว์เลี้ยงที่สำคัญ และจำเป็นต้องทำการตรวจ
โดย รศ.น.สพ.ดร.สมโภชน์ วีระกุล (อาจารย์แก้ว) และ ดร.ทนพญ. ปวีณา ก้องสนั่น
เชื้อเฮอร์ปีส์ไวรัส เป็นเชื้อก่อโรคได้อย่างหลากหลาย ในมนุษย์นั้นจะรู้จักกันดีในโรคเริม จัดเป็นเชื้อดีเอ็นเอไวรัส ไวรัสในแฟมิลี่นี้แบ่งออกเป็น 3 แฟมิลี่ย่อย ได้แก่ alphaherpesvirinae, betaherpesvirinae และ gammaherpesvirinae แต่ละแฟมิลี่ย่อยรวมกันแล้วมากกว่า 100 ชนิด ทำให้เกิดโรคในมนุษย์และสัตว์ได้หลากหลาย อย่างไรก็ตาม แฟมิลี่ย่อยแอลฟ่าเป็นกลุ่มที่ก่อให้เกิดโรคสำคัญ ในมนุษย์จะรู้จักกันดีในโรคเริมหรือ herpes simplex (HSV-1 และ HSV-2) รวมถึงโรคอีสุกอีใส (Varicella zoster virus, VZV) และพบอย่างกว้างขวางในสัตว์ที่ผู้เลี้ยงควรรู้และทำการตรวจค้นหาโรคอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อรับเข้ามาเลี้ยงใหม่ เพื่อกักกันโรค และเมื่อแสดงอาการทางคลินิกเพื่อตรวจวินิจฉัยยืนยันโรค
ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงจะพบการติดเชื้อแอลฟ่าเฮอร์ปีส์ไวรัสทั้งในสุนัขและแมว ในสุนัขจะทำให้เกิดโรค Canine herpes virus (CaHV-1) และในแมวจะก่อโรค Feline herpes virus (FHV-1) ในแมวจะก่อโรคในระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก โดยเฉพาะส่วนต้น และพบได้บ่อยมากในแมว และสัมพันธ์กับตัวป่วยที่มีอาการของระบบทางเดินหายใจเกือบ 50% ในสุนัขก็เช่นกันแต่อาการหลักมักไปเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ แต่ก็ยังพบอาการของระบบทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร พบป่วยในสุนัขอายุน้อยตั้งแต่หลังคลอดถึง 3 สัปดาห์จะมีอาการรุนแรง และอาการลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยพบอาการไอ ท้องกาง ท้องเสีย พบจุดเลือดออกจากเกล็ดเลือดต่ำ และตายได้ อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ไม่ค่อยแสดงอาการ และเป็นพาหะนำโรค
ในปศุสัตว์พบเกิดติดเชื้ออย่างหลากหลาย ได้แก่ bovine herpes virus ในวัว equine herpes virus ในม้า และยังพบในแพะ แกะ ได้ มักพบทำให้เกิดอาการจมูกอักเสบ ตาและเยื่อบุตาอักเสบ ไปถึงหลอดลมอักเสบ (Infectious bovine rhinotracheitis) จึงพบน้ำมูกและน้ำตาไหล การติดเชื้อแทรกซ้อนจะทำให้เกิดปอดบวม พบโรคระบบสืบพันธุ์เป็นหนองได้ในปศุสัตว์ และในม้าพบก่อโรคในระบบประสาท และมีอาการของสมองอักเสบ เป็นต้น แม้ว่าอาการในปศุสัตว์จะไม่ค่อยรุนแรงและอัตราการตายต่ำ
ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ พบมากที่สุดและหลากหลายตามชนิดสัตว์ จะได้ยกตัวอย่างเป็นบางโรคที่พบบ่อยได้แก่ Pacheco’s disease (PsHV-1) ในกลุ่มนกแก้ว ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ แต่มักไม่มีความสามารถในการตรวจวินิจฉัยในไทย เป็นโรคที่รุนแรงและตายเฉียบพลัน โดยมีอาการแบบนกป่วยทั่วไป ได้แก่ ท้องเสีย ซึม เบื่ออาหาร เป็นอาการแบบไม่จำเพาะ พบมากที่สุดในนกอิเลคตัส รองลงมาเป็นอัฟริกันเกรย์ มาคอว์ กระตั้ว และคอนัวร์ หากรอดจากการติดเชื้อจะพบการเกิดตุ่มปาปิลโลม่าในทางเดินอาหาร นกมักจะไม่ค่อยเจริญเติบโต และโรคสำคัญที่พบในสัตว์ปีกอีกโรค คือ หลอดลมและกล่องเสียงอักเสบติดต่อ (Infectious laryngotracheitis)
ในสัตว์เลื้อยคลานมักพบเป็นสาเหตุของช่องปากอักเสบ (stomatitis) และโรคผิวหนังอักเสบ (dermatitis) และเป็นตัวเชื้อสำคัญที่พบทำให้เกิดตับอักเสบ (hepatitis) และตับโต มีรายงานทั้งในเต่าน้ำจืดและเต่าทะเล เพราะเชื้อไปมีผลต่อหลายอวัยวะ จึงพบอาการร่วมจากหลายระบบได้ สัตว์มักจะพบสัตวแพทย์ด้วยอาการเบื่ออาหาร ซึม ในเต่าบกจะพบอาการอาเจียน ช่องปากอักเสบ มีน้ำมูกน้ำตาไหบทั้งจากทางเดินหายใจส่วนต้นและส่วนปลาย อาการเหล่านี้มักสัมพันธ์กับการติดเชื้อเฮอร์ปีส์ ในงูและกิ้งก่าก็มักจะพบช่องปากอักเสบ ขย้อนอาหาร ในบางรายถูกระบุว่ามีส่วนทำให้เกิดอาการทางประสาทในงู ในกลุ่มงูเหลือมงูหลาม (python) และบัวส์ (boas) ยังพบรายงานในอีกัวน่า และจระเข้
ในลิงจะมีความใกล้ชิดกับมนุษย์มากขึ้น อย่างไรก็ตามแต่ละชนิดจะมีความไวและได้รับอันตรายจากไวรัสเฮอร์ปีส์ต่างกัน เช่น การพบโรคเริม (herpes simplex virus) พบได้มากในมนุษย์ และลิงโลกเก่า อาการไม่ค่อยรุนแรง แต่ทำให้ลิงโลกใหม่ เช่น มาโมเซทตายได้ บางครั้งเรียก kissing death เกิดจากการสัมผัสและติดต่อจากมนุษย์หรือผู้เลี้ยง อัตราการป่วยและตายสูง โดยพบรายงานการติดเชื้อทั้งสองชนิดที่พบในมนุษย์ (HSV-1, HSV-2) และมนุษย์เป็นพาหะมาสู่ลิงกลุ่มนี้ เพราะตามธรรมชาติไม่พบการติดเชื้อ ในลิงโลกใหม่ยังพบการติดเชื้อ Saiminine herpesvirus-1 (SaHV-1) พบการระบาดในลิงกระรอก และมาโมเซท อัตราการตายสูง 76-100% และในลิงโลกเก่าทั้งหลาย ได้แก่ ลิงแสม ลินเสน ลิงกัง พบว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ Cercopithecine herpesvirus-1 ทำให้เกิดไวรัสลิงชนิดบี (B virus) ในลิงจะปรากฏอาการเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อติดมาสู่คนจะทำให้ป่วยรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตอาจสูงกว่า 70%
โรคข้างต้นถูกระบุว่าเกิดจากเชื้อกลุ่ม alphaherpesvirinae แม้ว่าจะยังมีโรคอีกจำนวนมากที่เกิดจากเชื้อเฮอร์ปีส์ชนิดอื่น แต่โรคสำคัญมักอยู่ในกลุ่มแอลฟ่าและเกิดได้บ่อย มีอันตรายมากตามความไวของสัตว์ การตรวจหาเชื้อกลุ่มแอลฟ่าจึงมีความสำคัญและจำเป็นเมื่อมีความเสี่ยงต่อการระบาด เมื่อรับลิงหรือสัตว์เข้าใหม่ และเมื่อมีอาการเจ็บป่วยปรากฏ