เมื่อสลอธท้องเสีย ตอนที่ 2 ท้องเสียและกลไกการเกิด

117 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เมื่อสลอธท้องเสีย ตอนที่ 2 ท้องเสียและกลไกการเกิด

เมื่อสลอธท้องเสีย
ตอนที่ 2 ท้องเสียและกลไกการเกิด
โดย สพ.ญ ปุณยาพร เครือแวงมล (หมอแป้ง) รศ.ดร.สมโภชน์ วีระกุล (อาจารย์แก้ว)


โดยปรกติสลอธจะถ่ายออกมาเป็นเม็ด จะเรียกว่า deer pellet หรือเป็นเม็ดแบบมูลกวาง จัดว่าเป็น feces score 1 (normal) เป็นภาวะปรกติ หลังจากนั้นเป็น score 2 ที่เริ่มออกมาเป็นกองแล้ว เหมือนมูลวัวหรือม้า แต่ยังเห็นเป็นเม็ดมูลแบบแรกปะปนจำนวนมาก score 3 ยังเป็นกองแต่เม็ดแบบมูลกวางน้อยลงอย่างมาก และใน score 4 เหลือน้อยมาก ทั้ง 3 ระดับหลังจะเห็นมีของเหลวปะปนมากขึ้น และเมื่อเริ่มไม่เห็นเป็นรูปร่างหรือกองมูลหรือเละใน score 5 แต่อาจจะยังเห็นเม็ดมูลแบบกวางปะปนเล็กน้อย ใน score 6 จึงพบว่ามูลเละและนุ่ม จนถึงสุดท้าย score 7 เป็นอาการท้องเสีย ไม่มีสภาพเป็นกอง บางรายพุ่งเป็นน้ำ

เมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์ที่มีการหมักอาหารที่กระเพาะหน้า (foregut fermentation) ด้วยกัน สาเหตุของอาการท้องเสียมาจากอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลมาก เยื่อใยอาหารต่ำ ทั้งนี้ยังหมายถึงโปรตีนและไขมันสูงก็ทำให้เกิดได้ แต่ตัวแป้งและน้ำตาลจะเกิดเป็นหลักและรวดเร็ว สลอธที่ถูกเลี้ยงด้วยธัญพืช เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง ผลไม้ และอื่น ๆ ในปริมาณมากจึงมีความเสี่ยง การกินผักสดแม้จะถูกแนะนำให้กินแต่ไปมีผลทำให้ระดับลิกนินและเซลลูโลสจากเปลือกไม้ไม่เพียงพอ ต้องระมัดระวังสัดส่วนที่ให้ โดยประเมินจาก score ของมูลในแต่ละสัปดาห์

แป้งและน้ำตาล (และเยื่อใยย่อยได้) จะถูกนำไปใช้ในกระบวนการหมักที่กระเพาะอาหารส่วนต้นโดยแบคทีเรียแลคติก เปลี่ยนแป้งและน้ำตาลให้เป็นกรดแลคติก โดยปรกติกรดแลคติกจะถูกผลิตมากหรือน้อยจะขึ้นกับชนิดของแบคทีเรีย ส่วนใหญ่จะนำเอาแป้งและน้ำตาลไปผลิตเป็นกรดแลคติกมากกว่า 80% เมื่อสลอธได้รับอาหารที่ธัญพืชรวมทั้งผลไม้มากซึ่งเป็นแหล่งของแป้งและน้ำตาล จึงนำไปสู่การผลิตปริมาณแลคติกมาก (ถ้าพอดีจะดีต่อร่างกาย) ทำให้ในทางเดินอาหารมีความเป็นกรดลดลง ส่งผลให้เกิดการตายของจุลินทรีย์กลุ่มที่เป็นประโยชน์ และลดลงในปริมาณจนเสียสมดุล ทำให้ขาดการป้องกันทางเดินอาหาร ภาวะนี้เหมือนอาหารเป็นพิษที่จะส่งผลให้แบคทีเรียกลุ่มก่อโรคเจริญขึ้นมาแทน และก่อเกิดลำไส้อักเสบตามมา

ผลจากการมีมากขึ้นเกินความต้องการของกรดแลคติก ส่งผลให้มีการผลิตปริมาณสารอาหารอื่น ๆ ที่ใช้กรดแลคติกและแลคเตทเป็นสารตั้งต้น โดยอาศัยแบคทีเรีย เช่น lactate utilizing bacteria จะได้กรดไขมันอิสระนำไปใช้ประโยชน์ แต่มันยังผลิตสารตัวหนึ่ง คือ ฮิสตามีน (histamine) ทำให้เกิดการอักเสบในระบบทางเดินอาหารและกระจายไปทั่วร่างกายเกิดการอักเสบตามส่วนหรือระบบต่าง ๆ นอกจากนี้กรดไขมันอิสระที่ได้จากแบคทีเรียกลุ่มแรก ยังให้บิวทีเรต ซึ่งจะถูกนำไปใช้โดย butyrate utilizing bacteria ได้เป็นฮิสตามีน เช่นกัน วงจรการอักเสบจึงเกิดขึ้น อีกตัวอย่างหนึ่งที่เกิดและสัมพันธ์กับอาการที่พบ คือการพบมีกลุ่มสารซัลเฟตเพิ่มขึ้นจากกระบวนการหมัก ซัลเฟตจะถูกนำไปใช้โดยพวก sulfate reducing bacteria จะไปลดรูปซัลเฟตให้เป็นไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือแก๊สไข่เน่า สารนี้จะมีความเป็นพิษต่อทางเดินอาหารและร่างกาย และเป็นตัวหลักในการสร้างความเจ็บปวด การขับถ่ายและผายลมจะช่วยบรรเทาอาการได้ แต่มักไม่ได้ผลเมื่อใช้ยาลดปวด ยกตัวอย่างกลไกที่ถูกกล่าวถึงมากในกระบวนการหมักที่ผิดปรกติ มาจากอาหารพลังงานสูง โดยแป้งและน้ำตาลที่ถูกให้กินอย่างต่อเนื่องเป็นตัวปัญหา

อาการทางคลินิก:
จะพบอาการปวดเบ่งจะเป็นอาการเริ่มต้น ร่วมกับท้องกาง ไม่สบายเมื่อเคลื่อนไหวหรือถูกจับบังคับ แต่มักจะไม่ถูกพบจนกว่าจะมีการถ่ายมูลผิดปรกติ จะเริ่มเห็นการถ่ายแบบเป็นเม็ดลดลงและไม่เป็น deer pellet ซึ่งในกวางตามธรรมชาติจะเม็ดสม่ำเสมอจากการกินพืชและใบไม้เป็นหลัก เป็นกองและเหลว แต่เคสที่มาพบสัตวแพทย์แล้วมักจะพบถ่ายเหลว ทั้งหมดนั้นเกิดจากเยื่อใยทั้งลิกนินและเซลลูโลสไม่เพียงพอที่จะทำให้มูลจับกันเป็นก้อน จึงร่วนและรวมกันเป็นกอง และเมื่อเกิดความผิดปรกติจากการเสียสมดุลของจุลินทรีย์และเชื้อก่อโรคสร้างกลไกการเกิดโรค รวมทั้งสารกลุ่มไขมันอิสระที่เพิ่มขึ้นมาก มีผลทำให้ถ่ายเหลวและมักเป็นแบบมีมูกปน ซึ่งมูกมีฤทธิ์ไปช่วยสะเทินกรด เมื่อทางเดินอาหารเป็นกรดจึงพบมูกมากขึ้น โดยผลิตมาจากต่อมมูกหรือโกเบลตที่ผนังทางเดินอาหาร มูลจึงดูมันวาว ในบางรายที่ถ่ายพุ่งเป็นน้ำมักมีอิทธิพลมาจากการติดเชื้อโรคร่วม เช่น อีโคไล ครอสตริเดี่ยม เป็นต้น ซึ่งพบในรายที่เกิดลำไส้อักเสบรุนแรง และยังพบความสัมพันธ์กับการผลิตแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งมูลมักจะได้กลิ่นกำมะถันหรือไข่เน่า มักพบในสลอธ และสัมพันธ์กับอาการเจ็บปวดที่ลำไส้ใหญ่

ผลกระทบและแนวทางจัดการ:
สลอธจะมีอาการเจ็บปวดแต่ดูอาการยากเมื่อเทียบพฤติกรรมตามปรกติ จะมีอาการเบื่ออาหารมากขึ้น การลดความเจ็บปวดจึงถูกประเมินและจัดการระงับให้เกิดความสบายตัว แต่ความเจ็บปวดที่เกิดจากการสะสมของแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์จะยากต่อการบรรเทา จนกว่าจะเกิดการขับถ่ายให้ระบายออก การกระตุ้นการขับถ่ายมีหลายวิธีแต่ไม่ควรใช้ยาระบาย เพราะจะทำให้เจ็บปวดและในรายที่เกิดการอุดกั้นสมบูรณ์จะทำให้ลำไส้แตกจากการใช้ยาได้ จึงแนะนำการสวนทวารตามปริมาณการสะสมของมูลในลำไส้ใหญ่ และเมื่อปวดเบ่งแต่ไม่ขับถ่าย อาจใช้ร่วมกับยากระตุ้นลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (ที่จะสะสมมูลกว่า 30% ของน้ำหนักตัวในแต่ละสัปดาห์) ในรายที่ยังถ่ายเหลวพุ่งจะพบการขับถ่ายออกมาเช่นนี้ทุก ๆ ครั้ง เป็นระยะเวลานานหลายสัปดาห์จนถึงข้ามเดือน เพราะเป็นอิทธิพลมาจากอาหารที่ให้ยังคงอยู่และสะสมมานาน การจัดการอาหารใหม่ให้ถูกต้องจึงสำคัญที่สุด ยารักษาได้แค่ประคับประคอง ถ้าแก้ไขเรื่องอาหารไม่ได้ การรักษาก็จะยืดเยื้อ นาน และอันตราย

เมื่อมีการขับถ่ายพุ่ง จะแสดงว่ามีการเสียอิเลคโทรไลต์หรือแร่ธาตุสำคัญออกไปจากร่างกาย และยังพบการสูญเสียออกนอกระบบเลือดแต่ถูกขับไปสะสมอยู่ในช่องทางเดินอาหารแทน แสดงว่าการสูญเสียไปยังข่องว่างของทางเดินอาหารเกิดขึ้นก่อนแล้ว และมักจะแสดงอาการอ่อนเพลียเมื่อเป็นมากขึ้น ทำให้เสี่ยงต่อการพบระดับโพแทสเซียมแปรปรวน ในระยะแรกจะพบมีค่าสูงจากภาวะกรดในกระแสเลือดจนเสี่ยงต่อการเต้นของหัวใจอย่างผิดปรกติ สลอธจะอ่อนเพลียและรุนแรงชัดเจนตามการเปลี่ยนแปลงอิเลกโทรไลต์ที่มากขึ้น จนถึงหัวใจวาย แต่ระยะต่อมาจะสูญเสียไปมากจากการถ่ายเหลว ยิ่งมากยิ่งสูญเสียมาก ทำให้เกิดภาวะขาดโพแทสเซียม และสัมพันธ์กับโซเดียมและคลอไรด์ลดลง การเสริมอิเลกโทรไลต์เพื่อประคับประคองจึงสำคัญเพราะสามารถตายได้จากภาวะอิเลกโทรไลต์ไม่สมดุลนี้ การทดแทนโดยให้สารน้ำชนิด replacement fluid หรือ plasma like fluid เข้าเส้นและเปลี่ยนมาเสริมโพแทสเซียมแบบ maintenance ในรายที่รุนแรง โดยอ่านผลจากการตรวจเลือด ทั้งแก้ภาวะกรดในเลือดและค่าอิเลกโทรไลต์ ควรทำไปพร้อม ๆ กัน โดยประเมินจากการแก้ภาวะกรดก่อน จะโดยการใช้โซเดียมไบคาร์บอเนตก็สามารถทำได้เพราะเป็นปัญหากรดแบบออแกนิก ระดับไบคาร์บอเนตมักจะต่ำ ร่วมกับการประเมินค่าโพแทสเซียมและเสริมเมื่อขาด ตามระดับความรุนแรง ตั้งแต่รูปกินเสริมก็สามารถทำได้ หรือผงหรือน้ำเกลือแร่

นอกจากนี้จะพบสัตว์มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำแบบอ่อน (mild) ในกรณีนี้หากให้น้ำเกลืออยู่แล้ว ให้ใช้ชนิดมีน้ำตาลหรือเติม 5% สามารถประคับประคองได้ แต่ในรายที่รุนแรง (severe) ควรเปลี่ยน 50% แบบ bolus โดยตรง หากไม่ได้แทงเส้นไว้ในรายอ่อนสามารถใช้ผงเกลือแร่ที่มีกลูโคสที่มีในปริมาณเล็กน้อย อย่างไรก็ตามการให้อาหารฟื้นฟูที่มีเยื่อใยอาหารสูงและมีพลังงานจะช่วยทดแทนได้ดีกว่า ซึ่งจะเป็นรูปผงนำมาผสมกับน้ำป้อน เน้นไปที่การเสริมเยื่อใยอาหารให้เพียงพอ พลังงานควรอยู่ในระดับต่ำก็เพียงพอ เพราะกลุ่มพลังงานสูงมักเสี่ยงต่อการได้รับแป้งและโปรตีนสูง อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง แต่หากเป็นโปรตีนควรเป็นโปรตีนย่อยง่าย เช่น ไฮโดรไลซ์หรือพลาสม่าโปรตีน และไขมันจากกลุ่มไขมันสายกลางที่ดูดซึมนำไปใช้ได้ง่าย ในปริมาณน้อยก็เพียงพอ สามารถนำมาเสริมในอาหารฟื้นฟูปรกติได้หรือนำที่ผลิตภัณฑ์ที่พร้อมแล้วก็หาได้ และป้อนด้วยเกลือแร่ร่วมเมื่อยังมีการถ่ายเหลวอย่างต่อเนื่อง แต่จะเห็นนาน ๆ ครั้ง สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรืออาจมากกว่านั้น และจะเริ่มดีขึ้นเมื่อมาเป็นสัปดาห์ละครั้งและมูลเริ่มเห็นเป็นเม็ดแบบมูลกวาง

การทดแทนจุลินทรีย์มีความจำเป็นอย่างมากในสลอธ เพราะจุลินทรีย์เป็นเสมือนผู้ช่วยและเป็นที่พึ่งพา ในกรณีเจ็บป่วยจึงมักเสริมจุลินทรีย์วันละ 2 มื้อ โดยเฉพาะในกรณที่เกิดท้องเสียย่อมต้องเสริมตามความจำเป็นตามอาการ หรือเพิ่มขึ้น ในกรณีที่พบเกิดจากการกินอาหารธัญพืชมาก อาจต้องปรับจากพวกแบคทีเรียแลคติกมาเป็นกลุ่มยีสต์ หรือใช้ร่วมกัน เพื่อได้ประสิทธิภาพการลดกรดและการใช้แป้งคาร์โบไฮเดรตมาเป็นแหล่งอาหารได้ดีขึ้น และลดการสร้างกรดสะสมในปริมาณมาก อันเป็นเหตุของความเจ็บป่วยของสัตว์ พิจารณาใช้ร่วมกันหลายชนิดรวมทั้งบาซิลลัส ให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันการรุกรานของเชื้อโรค และลดการใช้ยาปฏิชีวนะที่มักจะส่งผลเสียในยาบางชนิด และปรับให้เกิดสมดุลของจุลินทรีย์และเยื่อใยอาหารซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการรักษา ยาปฏิชีวนะแล้วแต่เคส แต่สัตวแพทย์มักจะเริ่มให้ในช่วงแรกและปรับลดลง ไปมุ่งใช้โพรไบโอติกส์แทน เพื่อลดผลข้างเคียงจากการใช้ยา ยาชนิดอื่น ๆ ใช้ประคับประคองตามความจำเป็นและตามอาการ

การรักษาเป็นการประคับประคองเป็นระยะเวลานาน อาจเป็นเดือนสองเดือนขึ้นกับความรุนแรง และควรติดตามอาการอย่างใกล้ชิด อาศัยภาพเอกซเรย์และค่าโลหิตวิทยาร่วมประเมิน เพราะอาการมักไม่ชัดเจน แต่ดูจากมูลประกอบและอาการอยากอาหารช่วยได้

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้