Art

Art

ผู้เยี่ยมชม

  เต่าซูค้าต้าโตช้า + มีนิ่ว (85 อ่าน)

29 ม.ค. 2568 13:30

ก่อนอื่นผมขอเล่าก่อนครับว่าเมื่อ 2 ปีก่อนผมรับเต่ามาเลี้ยง 2 ตัวขนาดประมาณ 2.5-3 นิ้วครับ

เลี้ยงไปได้อาทิตย์นึงน้องมีอาการเบ่งจนก้นบวมเลยพาไปหาหมอสรุปว่าเป็นนิ่วครับ(เป็นมาตั้งแต่ที่ฟาร์ม) เลยทำการปรับอาหารมาให้เป็นอาหารเม็ด Mazuri 5E5L 100% จนแต่ละตัวค่อยๆขับนิ่วออกมาจนหมดครับแล้วก็ไม่มีนิ่วอีกเลย แต่ปรากฏว่าผ่านมา 2 ปีพอดีผมมีความรู้สึกว่าน้องโตช้า จะเกี่ยวกับที่เคยเป็นนิ่วมั้ยครับ แล้วช่วงหลังประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมามีให้กินหญ้ามาเลย์เพิ่มเสริมไปด้วยครับปัจจุบัน 2 ปีน้องขนาด 7 นิ้วครับ

ผมเทียบกับเพื่อนๆในกลุ่มที่เลี้ยงเต่า 2 ปี เขาขนาด 10 นิ้วขึ้นไปทั้งนั้นเลยครับ

แล้วก็ช่วงประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมาอยู่ๆน้องเบ่งนิ่วออกมาก้อนขนาดประมาณเกือบๆ 1 ซม.ครับ

คำถามคือ
1. ทำไมน้องถึงกลับมาเป็นนิ่วได้หรอครับทั้งที่เลี้ยงรูปแบบเดิมมาตลอด
2. การที่โตช้าเกิดจากอะไรครับ ผิดปกติหรือไม่ครับอายุ 2 ปีกว่าขนาด 7 นิ้ว

**เพิ่มเติมการเลี้ยง 5 วัน จ-ศ เลี้ยงอินดอร์มีไฟ UVA UVB เปิดให้ทั้งวันครับ

ส-อา ให้ออกเดินบริเวณรอบบ้านตากแดดครับ แช่น้ำทุกวันแต่ตัวที่มีนิ่วเป็นตัวที่กินน้ำค่อนข้างน้อยครับ(เกี่ยวมั้ยครับแต่ก็แช่น้ำทุกวันครับ)

Art

Art

ผู้เยี่ยมชม

อ.แก้ว

อ.แก้ว

ผู้เยี่ยมชม

29 ม.ค. 2568 22:15 #1

ปัจจัยที่ทำให้เกิดนิ่วชนิดแคลเซียมออกซาเลตที่พบบ่อยที่สุด และยูเร็ต ต่างมีปัจจัยเสี่ยงหลักจากพฤติกรรมการกินน้ำ การแช่น้ำจึงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ แต่พฤติกรรมตามธรรมชาติอย่างหนึ่งของซูลคาต้าคือแช่ปลักเล่นน้ำ ซึ่งทำให้ได้น้ำจากอิทธิพลของฮอร์โมนอาร์จีนีนวาโซโทซิน โดยการดูดซึมน้ำผ่านอะควอพอรินที่อยู่ในผนังของทางเดินอาหารตั้งแต่ทวารรวมไปถึงลำไส้ใหญ่ นี่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลการแช่น้ำเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในตัวที่มีพฤติกรรมเสี่ยง อย่างไรก็ตาม การให้น้ำด้วยวิธีอื่นๆ ก็สามารถทำได้ ถ้าไม่กินน้ำเอง (free water) แต่เป็นกาให้แบบ perform water คือพืชที่มีน้ำ หรือการแช่น้ำก็ได้ หรือแช่น้ำก่อนให้กินก็ได้ เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องแช่ในทุกๆ ครั้ง เพราะในซูลคาต้าที่ได้รับน้ำบ่อยๆ ก็จะทำให้ลักษณะของ spur ไม่เด่นชัดได้

ผมจะกล่าวถึงเรื่องนิ่วก่อนนะครับ ในเมื่อมีการแช่น้ำที่ดีแล้ว ปัจจัยเสี่ยงนี้ก็พิจารณาข้ามไปก่อนได้ ให้มาดูที่ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วทั้งสองชนิดต่อ ชนิดแคลเซียมออกซาเลตแม้ว่าจะมีปัจจัยเรื่องน้ำมาช่วย แต่ในกรณีที่มีการกินพืชอายุน้อยจะมีผลเช่นกัน เพราะมีออกซาลิกอยู่มาก รวมทั้งยอดหญ้าก็ถือเป็นพืชอายุน้อย เมื่อมีออกซาลิกอยู่จะไปจับกับแคลเซียมในร่างกาย เกิดเป็นแคลเซียมออกซาเลตได้ แต่ในปริมาณเพียงเล็กน้อย ส่วนของนิ่วชนิดยูเร็ตในอดีตจะพบได้บ่อยจากกินอาหารที่เป็นแหล่งโปรตีนสูง พบในต่างประเทศเยอะมากตั้งแต่ 20-30 ปีก่อนครับ เพื่อเร่งอัตราการเจริญเติบโต จึงนิยมให้อาหารสุนัข จึงพบอุบัติการณ์การเกิดนิ่งชนิดยูเร็ตเยอะ ซึ่งได้มาจากกรดพิวรีนที่จะสร้างไปเป็นยูริคและยูเร็ตมากขึ้น จนเกิดการอุดกั้นในกระเพาะปัสสาวะ และบางรายพบมากจึงมีเกาต์ตามข้อและอวัยวะภายใน

การเกิดนิ่วในสมัยนั้น จึงกลายเป็นเรื่องที่พบบ่อยจนเป็นปกติ เวลาเบ่งออกมาจึงพบยูเร็ตสีขาวปนออกมากับปัสสาวะมาก ในกรณีของเคสนี้ก็ต้องประเมินโอกาสในการเกิดก่อนว่าจะเป็นนิ่วชนิดใดได้บ้าง จึงจะทำให้เกิดการแนวทางป้องกัน

นิ่วชนิดแคลเซียมออกซาเลตจะมีผลต่อร่างกายมากเพราะไปดึงแคลเซียมออกมาจากกระดูกที่เป็นแหล่งสะสมหรือจากอาหารที่กินเข้าไป ทำให้อัตราการเจริญเติบโตช้าและแคระแกรน และพบภาวะของโรคกระดูกตามมา ที่มักจะเรียกว่า MBD metabolic bone disease หรือโรคเมตาบอลิกกระดูกตามมา จึงมักพบกระดองผิวรูป ยิ่งถ้าเอกซเรย์ดูจะเห็นหลังคดและกระดูกสันหลังแยกตัวออกจากกระดองได้ครับ

นิ่วชนิดยูเร็ตจะส่งผลกระทบต่อระบบขับปัสสาวะ อุดกั้นการขับถ่าย และเกิดไตได้ และตัวยูริคที่เริ่มจากผลึกเล็กจิ๋วเรียกว่าโทไฟ จะปะปนไปตามกระแสเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ มีผลต่อสุขภาพโดยรวมจนไปถึงยับยั้งการทำงานให้อวัยวะนั้นเสียหายและทำหน้าที่ไม่ได้ มีผลต่ออัตราการเจริญเติบโตเช่นเดียวกัน พวกที่เกิดนิ่วชนิดนี้ที่เกิดจากการกินอาหารโปรตีนสูงมักจะตัวอ้วนเนื้อแน่นล้นกระดอง กระดองโตไม่ทัน และกระดองมักจะผิดรูปเพราะอาหารโปรตีนสูงมักพบปัญหาว่ามีฟอสฟอรัสสูง ทำให้อัตราส่วนของแคลเซียมและฟอสฟอรัสไม่สมดุล จึงดึงเอาแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ เกิดเป็น MBD เหมือนกันได้ครับ

มาถึงเรื่องอัตราการเจริญเติบโตครับ

มีหลายคนใช้ชาร์ตอัตราการเจริญเติบโตของซูลคาต้าเปรียบเทียบ ลองหาดูนะครับ แต่ผมจะบอกว่ามันแปรปรวนมากๆ ครับ ผมจะยกตัวอย่างเต่าตัวหนึ่งของพวกเขาในอายุใกล้เคียงกับที่เขียนคำถามนี้ คือ 2.5 ปี มีน้ำหนักแค่ 4 ปอนด์ ขนาดยาว 10.5 นิ้ว เจ้าของเห็นว่าเต่าตัวนี้โตช้าเพราะไปเทียบกับอีกคน ที่เขามีเต่าอายุ 2 ปี แต่หนักกว่าที่ 21 ปอนด์ ยาว 15 นิ้ว มันต่างกันมากทั้งที่ผู้เลี้ยงคนนี้ให้ทั้งแคลเซียม แช่น้ำทุกวัน อาบแดดจริงๆทุกวันและยังได้แสงยูวีในคอกอินดอร์อีก เขาก็ถูกแนะนำว่าควรระวังเรื่องความชื้นและความร้อนหรืออุณหภูมิด้วย อ่านแล้วคิดยังไงครับ

จึงมีคนมาแนะนำเพิ่มเติม เดี๋ยวผมจะสรุปให้ว่า basic requirement มีอะไรอีกที เขาบอกว่าปัจจัยหลักในการทำให้เต่าโตได้คือขนาดของที่เลี้ยง และการเลี้ยงแบบเอาต์ดอร์จะมีโอกาสเพิ่มอัตราเจริญเติบโตได้มากกว่า รวมถึงการปล่อยให้สัตว์มีโอกาสในการปรับตัว เรียกว่า adaptation ตามธรรมชาติ ซึ่งจะลดการเกิด maladaptation syndrome ซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโต ดังนั้นสถานที่เลี้ยงที่กว้างและมีครบทุกโซนทั้งร้อนและแห้ง เย็นและชื้น มีแสงแดดและร่มเงาที่พอดี มีอุณหภูมิอยู่ในช่วงที่เหมาะสม (POTZ) จะเกิดขึ้นได้ง่ายหากเต่าได้เลือกเอง รวมทั้งการให้กินอาหารแบบไม่จำกัดหลากหลาย โดยเน้นพืชหรือไปที่เยื่อใยอาหารเป็นหลักและส่งเสริมให้แบคทีเรียกลุ่มที่พบมากที่สุดเจริญเติบโตได้ดี คือ Firmicutes ซึ่งอาจมีมากกว่า 90% ของจุลชีพที่เป็นประโยชน์เจริญเติบโต จะส่งผลให้เกิดการหมักที่สมบูรณ์และส่งเสริมให้เต่าได้รับกรดไขมันและกรดอะมิโนที่ดี การส่งเสริมให้กินอาหารที่มีระดับคาร์โบไฮเดรตสูง และยังพบว่าโปรตีนและไขมันสูง จะส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลของจุลชีพในสัตว์กินพืช และเป็นสาเหตุให้เกิดการสร้างกรดแลคติกมาก เกิดเป็นกรดไขมันอิสระในสัดส่วนที่ผิดธรรมชาติและทำให้เกิดภาวะแคระแกรนจากภาวะกรดจากการหมักอาหารที่ไม่เหมาะสมได้เช่นกัน

นอกจากนี้แสงแดดช่วยได้มาก และแม้จะให้ยูเรียบีเพื่อช่วยเรื่องการดูดซึมแคลเซียม แต่อย่าลืมว่ายูวีเอสำคัญมากต่อการกระตุ้นการกินอาหาร การย่อยการดูดซึม ภูมิคุ้มกัน

ผมไม่แน่ใจว่าจะให้ข้อมูลที่เหมาะสมถูกใจหรือไม่ เพราะคนที่มีปัญหาเรื่องนี้เยอะมากโดยเฉพาะคนที่เลี้ยงในพื้นที่แคบและอินดอร์จะขาดโอกาสในการเร่งโตมาก เต่าที่เลี้ยงให้แบบได้เลือกจะกินเก่งและได้หลากหลาย อย่างไรก็ตามในช่วงที่กลางวันสั้นลงในฤดูกาลที่แตกต่างกันจะมีผลต่อการเจริญเติบโตเช่นเดียวกันครับ ผมว่าตอบยาวมากเลย ถ้าสงสัยอะไรถามอีกได้ เดี๋ยวผมจะหลงประเด็นครับ

อ.แก้ว

อ.แก้ว

ผู้เยี่ยมชม

Art

Art

ผู้เยี่ยมชม

30 ม.ค. 2568 09:20 #2

ก่อนอื่นขอขอบคุณสำหรับความรู้ที่แนะนำมานะครับ^^...อาจจะมีสงสัยพวกศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ครับ ไม่ค่อยเข้าใจและนึกภาพไม่ออก แต่โดยรวมที่อธิบายมาพอเข้าใจอยู่ครับ

Art

Art

ผู้เยี่ยมชม

Art

Art

ผู้เยี่ยมชม

30 ม.ค. 2568 09:25 #3

สอบถามเพิ่มอีกอย่างได้มั้ยครับ พอจะมีแห่ลงให้ศึกษาพฤติกรรมซูคาต้ามั้ยครับ เช่น บางครั้งชอบงับขาตัวเอง หรือเวลาแช่น้ำเอาขากวักๆน้ำ ผมอยากรู้ว่าแต่ละพฤติกรรมที่เขาแสดงออกมาตอนนั้นเขากำลังรู้สึกยังไง พอจะมีให้ผู้เลี้ยงเรียนรู้มั้ยครับ

Art

Art

ผู้เยี่ยมชม

อ.แก้ว

อ.แก้ว

ผู้เยี่ยมชม

31 ม.ค. 2568 18:52 #4

หนังสือที่หาอ่านได้จะเป็นแบบรวมๆ ครับ บางพฤติกรรมดังกล่าวมีในหนังสือ เช่น Herpetology หรือชีววิทยาของสัตว์ในกลุ่มนี้ หรือค้นหาสารคดีที่เกี่ยวกับเต่าแต่ะชนิดได้โดยตรงครับ

อ.แก้ว

อ.แก้ว

ผู้เยี่ยมชม

ตอบกระทู้
CAPTCHA Image
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้