okay.d
ผลเลือดของกระต่าย (262 อ่าน)
2 ม.ค. 2567 09:31
กระต่ายมีภาษาซึม 2วัน หลังจากนั้นมีอาการหัวส่าย ตากลิ้งกรอกไปมา [size= medium; -webkit-text-size-adjust: auto]เดินเป็นวงกลม จังหวะการหายใจแปลกไปจากปกติ [/size]<span style="font-family: -webkit-standard; font-size: medium; -webkit-text-size-adjust: auto;">มีภาวะอ่อนแรง ลุกเดินไม่ค่อยได้ </span>ในเช้าวันที่สาม ช่วงสายก่อนไปหาหมอ อาการข้างต้นเบาบางไป หลังจากกลับมาจากพบหมอ
อยากสอบถามเกี่ยวกับผลเลือดของกระต่าย จากผลเลือดที่แนบมา ไม่ทราบว่า ค่าที่สูงกว่าปกติ ซึ่งมีอยู่หลายตัว จะเป็นอันตรายไหมคะ แล้วกระต่ายมีภาวะแคลเซียมสูง จะต้องดูแลรักษายังไงคะ
โรคประจำตัวของกระต่ายคือ ปอดอักเสบเรื้อรัง มีอาการเป็นๆหายๆ
ขอบพระคุณมากค่ะ
okay.d
ผู้เยี่ยมชม
okay.d
2 ม.ค. 2567 09:43 #1
okay.d
ผู้เยี่ยมชม
อ.แก้ว
2 ม.ค. 2567 21:10 #2
ค่าเลือดปกติของเม็ดเลือดขาว จะเป็น 5-13 ตัวนี้คือ 16.8 มีค่าเม็ดเลือดขาวชนิดโมโนซัยท์และนิวโทรฟิลสูงขึ้น 2 และ 12 ตามลำดับ ซึ่งค่าปกติจะน้อยกว่า 0.5 และ 1-4 x 10 ยกกำลัง 9 ตามลำดับ ภาพรวมเหมือนจะมีค่าสูงแต่เป็นภาวะที่พบเมื่อมีการอักเสบเกิดขึ้นในร่างกาย และมักจะสัมพันธ์กับการติดเชื้อ และเกิดการอักเสบ
ดังนั้น ค่าเลือดดังกล่าวเป็นเพียงการสำรวจว่ามีการอักเสบ และมีแนวโน้มเกิดการติดเชื้อได้ แต่อาจไม่สามารถประเมินความรุนแรงหรือนำไปสู่การพยากรณ์ที่แม่นยำได้ โดยพบว่าหากค่าเลือดที่พบมีค่าสูง ร่วมกับภาวะมีไข้ หายใจและหัวใจเต้นเร็ วและพบระดับของแลคเตตสูง จะช่วยบ่งชี้ความรุนแรงได้มากขึ้น ตรวจเลือดควรทำการตรวจค่าชีวเคมีประกอบด้วยครับ จะช่วยในการประเมินความรุนแรงร่วมด้วยได้ โดยพบว่าหากค่าตับสูง จะเสี่ยงเพิ่มขึ้น และหากพบว่าค่าไตสูงจะไปเพิ่มอัตราการเสียชีวิต และมักเป็นผลมาจากการติดเชื้อบางชนิด เช่น พาสจูเรลล่า สเตรปโตคอคคัท และซูโดโมนาส ที่พบได้บ่อยและมักจะเป็นเชื้อดื้อยา โดยการอักเสบจะไม่ได้เป็นแค่ที่ปอด แต่เป็นการพบที่หลายๆอวัยวะ จึงพบการเปลี่ยนแปลงของค่าชีวเคมีของเลือดที่บ่งชี้ความบกพร่องของอวัยวะต่างๆ นอกจากนี้ในบางรายที่ค่าเม็ดเลือดขาวค่อยๆ ต่ำลงในรายที่เป็นแบบเรื้อรัง มักจะพบอักตราการตายที่สูงกว่าในรายที่ยังพบนิวโทรฟิลสูง เพราะบ่งชี้ภาวะที่ไม่มีเม็ดเลือดขาวหรือมีการใช้ไปมาก และผ่านพ้นระยะที่มีการอักเสบรุนแรงไปแล้วได้
ในเคสโรคปอดยังจำเป็นต้องทำการเอกซเรย์ประเมินเป็นมาตรฐาน การรักษาปอดจะใช้ระยะเวลาประเมินเป็นช่วงๆ ในรายที่ไม่รุนแรงมักจะเริ่มตอบสนองและหายได้ใน 2 สัปดาห์ ในรายที่เรื้อรังต้องทำการเพาะเชื้อโรคร่วมเพื่อประเมินการใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมกับเชื้อ การทำหัตถการค่อนข้างเข้มงวดครับ และทำการรักษาเป็นระยะเวลานาน และเพาะเชื้อ ตรวจเลือด และเอกซเรย์ซ้ำๆ จนกว่าจะหาย
นอกจากนี้อาการที่พบยังมีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจที่ติดต่อเข้าสู่ช่องหูส่วนใน ที่ป็นส่วนของเวสตริบูลล่า จะทำให้เกิดอาการตากรอกหรือกระตุก เดินเป็นวงกลม เดินไม่สัมพันธ์หรือไม่สามารถลุกขึ้นได้ แต่มีหลายโรคที่เกิดแบบนี้ได้ เช่น ไข้สมองอักเสบจากเชื้อโปรโตซัว หรือโรคที่เกิดกับระบบประสาทส่วนกลางโดยตรง เช่น สมองส่วนซีรีเบลลัม การได้รับสารพิษจากโรคไตหรือโรคตับ หรือเป็นผลมาจากสารพิษจากภายนอก อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มที่อาจเกิดจากโรคทางเดินหายใจที่ไปมีผลต่อหูส่วนกลางและระบบประสาท การเอกซเรย์อาจจะพบช่องหูขุ่นขาวไปจนถึงส่วนทิมพานิคได้ ลองตรวจเพิ่มเติมและเคร่งครัดในการรักษาดูนะครับ ขอให้หายไวไว
อ.แก้ว
ผู้เยี่ยมชม