29 จำนวนผู้เข้าชม |
“เมื่อกระต่ายน้อยถ่ายเหลวจนคราบอึเลอะก้น!”
โดย สพ.ญ. สุกฤตา ไตรวัฒนธงไชย (หมอเอม)
คุณหมอคะกระต่ายน้อยที่เพิ่งรับมาเลี้ยง ซึม ไม่กิน ถ่ายเหลวจนคราบอึเลอะก้นไปหมดเลยค่ะ ทำยังไงดีคะ?
ถ้าน้องกระต่ายบ้านมีอาการแบบนึ้ ให้รีบพามาพบคุณหมอด่วนเลยค่ะ
เพราะการถ่ายเหลวเป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดจากเชื้อโปรโตซัวตัวร้ายอย่างเชื้อ Eimeria (Coccidiosis in Rabbits) หรือที่เรียกกันว่าเชื้อบิดนั่นเองค่ะ
แล้วเชื้อบิดคืออะไร? วันนี้จะมาทำความรู้จักถึงภัยร้ายตัวจิ๋วกันค่ะ
โรคบิด (Coccidiosis) เป็นโรคติดเชื้อโปรโตซัวที่เกิดจากเชื้อในสกุล Eimeria ซึ่งมีผลต่อระบบทางเดินอาหารของกระต่ายโดยเฉพาะ โดยพบได้บ่อยในกระต่ายอายุน้อยหรือช่วงหย่านม (4-16 สัปดาห์) หรืออาจพบในกระต่ายโตก็ได้เช่นกัน
โดยสายพันธุ์ที่สำคัญ ได้แก่ Eimeria stiedae ทำให้เกิด hepatic coccidiosis หรือบิดชนิดก่อโรคที่ตับ Eimeria intestinalis, E. magna, E. media, E. perforans ทำให้เกิด intestinal coccidiosis หรือบิดชนิดลำไส้ ซึ่งเชื้อกลุ่มนี้มักจะทำให้เกิดการถ่ายเหลวได้กระต่ายเด็กนั่นเอง
เชื้อจะแพร่โดยการกินตัวแพร่ของเชื้อเรียกว่า โอโอซีสท์ (oocyst) จากสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อน เช่น อาหาร น้ำ หรืออุจจาระของกระต่ายติดเชื้อ โดย Oocyst สามารถคงทนต่อสภาพแวดล้อมได้เป็นเวลานาน และทนต่อยาฆ่าเชื้อหลายชนิด
พยาธิกำเนิด (Pathogenesis) หลังจากกระต่ายกิน oocyst แล้ว เชื้อจะปลดปล่อยตัวนำโรคหรือสปอร์เรียกว่า สปอโรซอยท์ (sporozoite) ออกมาในลำไส้เล็ก จากนั้นเชื้อจะบุกรุกเข้าสู่เยื่อบุผนังลำไส้และเพิ่มจำนวนทำให้เซลล์เยื่อบุลำไส้ถูกทำลาย เกิดการอักเสบและหลั่งมูกออกมามากผิดปกติ
อาการทางคลินิก - อาการของโรคขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของการติดเชื้อ
1. บิดชนิดลำไส้ (Intestinal coccidiosis)
ถ่ายเหลว อาจมีมูกหรือเลือดปน
ท้องอืด เบื่ออาหาร ซึม น้ำหนักลด
ขนหยาบและร่วงง่าย
ในรายรุนแรงอาจเกิดภาวะช็อกจากการขาดน้ำ ชักจากภาวะน้ำตาลต่ำและเสียชีวิตได้
2. บิดชนิดตับ (Hepatic coccidiosis)
ซึม เบื่ออาหาร ตัวซีด
ท้องบวม ตับโต
ในรายเรื้อรังอาจพบภาวะตัวเหลือง (icterus)
การวินิจฉัย
ในกรณีของเชื้อบิดในลำไส้ จะใช้การตรวจอุจจาระ เพื่อหา oocyst ของเชื้อ Eimeria spp.
เชื้อบิดในตับจะทำการวินิจฉัยได้ยากกว่า มักใช้การตรวจเลือดเพื่อดูค่าตับ หรืออาจะพิจารณาทำการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อจากลำไส้เพื่อส่องดูลักษณะทางพยาธิวิทยา
การรักษา
ยาในกลุ่ม Sulfonamide เช่น sulfa-trimethoprim โดยให้ต่อเนื่อง 7-14 วัน
ให้สารน้ำและอาหารเสริมพลังงานสูง เพื่อป้องกันภาวะขาดสารอาหาร
ที่สำคัญที่สุด คือ ควรแยกกระต่ายป่วยออกจากกลุ่ม เพื่อลดการแพร่กระจายของ oocyst
การป้องกันและควบคุมโรค
รักษาความสะอาดของกรงและอุปกรณ์เลี้ยง
ทำความสะอาดถาดรองอุจจาระทุกวันเพื่อลดการสะสมของ oocyst โดยน้ำยาฆ่าเชื้อที่สามารถจัดการเชื้อได้คือ แอมโมเนียเข้มข้นเท่านั้น น้ำยาฆ่าเชื้อทั่วไปจะไม่สามารถทำลายเชื้อได้
หลีกเลี่ยงความแออัดและลดความเครียดในช่วงหย่านม
เอกสารอ้างอิง (References)
1. Pakandl, M. (2009). Coccidia of rabbit: a review. Folia Parasitologica, 56(3), 153–166.
2. Coudert, P., Licois, D., & Drouet-Viard, F. (1995). Eimeria species and strains of rabbits. In: Eckert J. et al. (eds.) Biotechnology: Guidelines on Techniques in Coccidiosis Research. European Commission.
3. Licois, D. (2004). Domestic rabbit coccidiosis: a review. World Rabbit Science, 12(2), 69–74.