34 จำนวนผู้เข้าชม |
คราบราสีดำ “sooty mold” บนหญ้าแห้ง? อันตรายต่อสัตว์กินพืชหรือไม่?
โดย อาจารย์แก้ว (รศ.ดร.สมโภชน์ วีระกุล)
มีไม่น้อยในกลุ่มผู้เลี้ยงกระต่าย ชินชิลล่า คาปีบาร่า แกสบี้ ที่จะวิตกกังวลและสอบถามเข้ามาเมื่อพบคราบสีดำหรือเขม่าบนก้านหญ้าแห้ง (hays) แต่ยังไม่เคยทราบมาก่อนว่าราดำบางชนิดมักพบได้บนหญ้าต่าง ๆ เรียกว่า sooty mold พบได้โดยธรรมชาติ โดยละอองสปอร์จะปลิวอยู่ในธรรมชาติ พบเกิดในกลุ่มพืชและผลไม้ทั้งหลาย มะม่วง ลำไย ทุเรียน ไปถึงหญ้า อ้อย รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ มักเกิดการติดเชื้อรานี้ได้ง่าย ราสกุลนี้ได้แก่ Capnodium sp. และพบได้หลายชนิด โดยจะพบคราบราสีดำติดตามส่วนของต้นไม้ มีผลต่อการเจริญเติบโต การสืบพันธุ์ การผลิดอกออกผลได้ และทำให้ผลไม้ไม่น่ากิน เนื่องจากเชื้อรามักลุกลามที่ผิวหรือเป็นราผิว แต่ในบางชนิดกินเนื้อไม้ได้เช่นกัน ทำให้เกิดความเสียหายต่อพืชและไม้เฟอร์นิเจอร์ได้มากขึ้น
โดยเชื้อราจะเจริญได้ในมูลของแมลงที่มีคุณสมบัติมีน้ำหวานผสมอยู่และปนเปื้อนกับพืช พบในพวกเพลี้ยและแมลงหวี่ ที่มาขับถ่ายไว้ และยังเกิดจากคาร์โบไฮเดรตที่พบอยู่ในพืชนั้น ๆ และในกลุ่มหญ้าแห้ง จึงพบว่าหญ้าโอ๊ตจะง่ายต่อการพบคราบราได้เพราะในเซลล์พืชจะมีแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตมากกว่าหญ้าทิโมธี และหญ้าอื่น ๆ แม้ว่าหญ้าแห้งจะลดความชื้นเหลือประมาณ 7-8% เท่านั้น หญ้าโอ๊ตจะมีแป้งจึงเสี่ยง เพราะเป็นแหล่งอาหารและการเจริญของสปอร์จากเชื้อราได้ และก็เกิดเป็นบางก้านไม่ได้ลุกลาม ปัจจัยที่มีผลส่งเสริมการเจริญคืออากาศร้อนชื้น มักพบในช่วงอุณหภูมิ 25-35 องศาเซนเซียส และความชื้นตั้งแต่ 40-80% การเก็บในช่วงสิ่งแวดล้อมดังกล่าวจึงมีความเสี่ยงในการปนเปื้อน จึงเปรียบเทียบกับกลุ่มหญ้าฟ่อนจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพราะมีความชื้นมากกว่า เพราะฟ่อนหญ้าจะระบายอากาศได้ต่ำ ทำให้ฟ่อนหญ้ามีความชื้นประมาณ 18-22% แม้ว่าจะยังต่ำแต่ก็นับว่าเสี่ยงกว่าหญ้าแยกย่อยแล้ว ดังนั้น ในขั้นตอนการเก็บจึงต้องระวังอย่างมาก ระวังเปียก และระบายอากาศดี แยกหญ้าให้ระบายอากาศ และหากใช้หญ้าโอ๊ตก็ต้องระวังการปนเปื้อนที่เกิดขึ้นง่าย ควรใช้ที่บรรจุภัณฑ์ใหม่ ๆ และคัดมืออีกครั้ง และราดำจะพบมากขึ้นในพวกผลไม้ และเปลือกผลไม้จะเป็นแหล่งเกิดราดำได้ง่าย จึงไม่ควรเก็บไว้ใกล้กัน
Capnodium ไม่ถือเป็นเชื้อก่อโรคที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในมนุษย์ และสัตว์ ในทางตรงกันข้ามพบมีสารสกัดที่เชื่อว่าจะเป็นปฏิชีวนะชนิดใหม่ได้ เช่น methiosetin (Herath et al., 2012: Journal of Natural Products 75(3):420-4)
เมื่อเปรียบเทียบกับโอกาสในการเกิดเชื้อราอีกชนิด ในทางปศุสัตว์จะพบการเกิดราที่เกิดจากกลุ่มแอสเปอร์จิลลัส Aspergillus sp. ที่สร้างสารพิษอะฟลาท็อกซิน ซึ่งจะมีแนวโน้มมาจากหญ้าเปียกชื้น อากาศร้อน กลุ่มหญ้าฟ่อนหรือกองหญ้า แต่จะพบได้น้อยในกลุ่มหญ้าแห้งที่ผ่านการลดความชื้น เว้นแต่การจัดเก็บในภายหลังทำให้เกิดอับชื้นมาก และไม่ระบายอากาศ ซึ่งได้ลงบทความแยกไว้ให้อ่านแล้ว